พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
“อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน
และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทาง
แสง วิธีการทางแม่เหล็ก
หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่างๆ เช่นว่านั้น
“ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ธุรกรรมที่กระทําขึ้นโดยใช้วิธีการทาง
อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
“ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัว
อักษร ตัวเลข เสียง ภาพ
หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดย
ผ่านวิธีการใดๆ
“ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือ
ประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรเลข โทรพิมพ์ หรือโทรสาร
“ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่น
ใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนํามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็น
เจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
และเพื่อแสดงว่าบุคคล
ดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
“ระบบข้อมูล” หมายความว่า กระบวนการประมวลผลด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สําหรับ
สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
“การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การส่งหรือรับข้อความด้วย
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้มาตรฐานที่กําหนดไว้ล่วงหน้า
“ผู้ส่งข้อมูล” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นผู้ส่งหรือสร้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะมีการ
เก็บรักษาข้อมูลเพื่อส่งไปตามวิธีการที่ผู้นั้นกําหนด
โดยบุคคลนั้นอาจจะส่งหรือสร้างข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง
หรือมีการส่งหรือสร้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในนามหรือแทนบุคคลนั้นก็ได้
ทั้งนี้ไม่รวมถึงบุคคลที่เป็นสื่อกลางสําหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
“ผู้รับข้อมูล” หมายความว่า
บุคคลซึ่งผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้และ
ได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
ทั้งนี้ไม่รวมถึงบุคคลที่เป็นสื่อกลางสําหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
“บุคคลที่เป็นสื่อกลาง” หมายความว่า บุคคลซึ่งกระทําการในนามผู้อื่นในการส่ง รับ หรือ
เก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อันใดอันหนึ่งโดยเฉพาะ
รวมถึงให้บริการอื่นที่เกี่ยวกับข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์นั้น
“ใบรับรอง” หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือการบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความ
เชื่อมโยงระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
“เจ้าของลายมือชื่อ” หมายความว่า ผู้ซึ่งถือข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
และสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นในนามตนเองหรือแทนบุคคลอื่น
“คู่กรณีที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า ผู้ซึ่งอาจกระทําการใดๆ โดยขึ้นอยู่กับใบรับรองหรือ
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่าง
อื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น
รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดย
พระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงนิติบุคคล คณะบุคคล
หรือบุคคล
ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ดําเนินงานของรัฐไม่ว่าในการใดๆ
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕ บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๒๔ และบทบัญญัติมาตรา ๒๖ ถึงมาตรา
๓๑
จะตกลงกันเป็นอย่างอื่นก็ได้
มาตรา ๖ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
ธุรกรรมทางอเลิ ็กทรอนิกส์
มาตรา ๗
ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใด
เพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๘ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา ๙
ในกรณีที่กฎหมายกําหนดให้การใดต้องทํา
เป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดง
ถ้าได้มีการจัดทําข้อความขึ้นเป็นข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง
ให้ถือว่าข้อความ
นั้นได้ทําเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงแล้ว
ในกรณีที่กฎหมายกําหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์หากได้มีการชําระเงินแทนหรือ
ดําเนินการอื่นใดด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่หน่วยงานของรัฐซึ่ง
เกี่ยวข้องประกาศกําหนด ให้ถือว่าหนังสือ หลักฐานเป็นหนังสือ
หรือเอกสาร ซึ่งมีลักษณะเป็นตรา
สารนั้นได้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายนั้นแล้ว
ในการนี้ในการกําหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการของหน่วยงานของรัฐดังกล่าว คณะกรรมการจะกําหนดกรอบและแนวทางเพื่อเป็น
มาตรฐานทั่วไปไว้ด้วยก็ได้
ความหมายของคำว่า จริยธรรมและจรรยาบรรณ
จริยธรรม คือ ความสำนึก
หรือความประพฤติที่ดีงามเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม
จรรยาบรรณ คือ
กระบวนความประพฤติที่กลุ่มวิชาชีพหรือสมาคมร่วมกันพิจารณากำหนดขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มหรือในสังคมนั้นยึดถือ
การมีจริยธรรม
เริ่มจากการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องปฎิบัติตามจารีตประเพณี วัฒนธรรม ปรัชญาด้วย
จริยธรรมและคุณธรรม คือบันไดที่เชื่อมไปสู่เป้าหมายของการเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการขายออนไลน์
1.สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
2.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
3.กรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
4.กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง
5.กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม (DSI)
6.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
7.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
8.สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
9.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค
(บก.ปคบ.)
กองบังคับการปราบปราม
ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์
ตอบลบ